เปิดสถิติที่น่าสนใจ จากยอดขายรถยนต์ในประเทศไทยปี 2563

จากการเปิดเผยยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทยในปี 2563 ที่ผ่านมา ที่จัดทำโดยหลาย ๆ หน่วยงานที่น่าสนใจ พบว่าตลาดรถยนต์ที่หดตัวลงไปนั้น แม้จะมีการหดตัวถึง 21.4% หรือมียอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 792,146 คัน แต่ก็ถือเป็นการหดตัวที่น้อยกว่าที่มีการคาดการณ์ในช่วงกลางปี

กล่าวคือ ผู้ประกอบการเคยมองว่าตลาดรถยนต์ในประเทศไทยนั้นอาจจะหดตัวลงไปมากถึง 40% ในช่วงเริ่มต้นของ COVID-19  แต่ด้วยสถานการณ์ที่พลิกไปมา และความต้องการของรถที่ยังมีอยู่จำนวนมากในประเทศไทย ส่งผลให้ตลาดรวมนั้นหดตัวน้อยกว่าที่มีการคาดการณ์เอาไว้

นอกเหนือจากตัวเลขการหดตัวจะน้อยลงไปมาก ในการรายงานยอดขายที่ผ่านมานั้น ยังมีตัวเลขที่น่าสนใจแฝงอยู่หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตลาดรถปิกอัพ ตลาดรถยนต์นั่ง รวมไปถึงตลาดรถยนต์หรูหรา ที่ล้วนแล้วแต่มีสถิติที่ต้องยกมากล่าวถึงกันเป็นหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์

AutoFun Thailand มองว่าเป็นปีที่สนุกและน่าสนใจเลยทีเดียว...

รถยนต์นั่งหดตัวแรง - ปิคอัพทรงตัวเหนือตลาด

หากดูจากสัดส่วนการขายของรถแต่ละเซกเมนต์ ตามรายงานของ Toyota (โตโยต้า) ที่มีการแบ่งเซกเมนต์บางอย่างที่อาจจะดูแปลก ๆ ไปบ้าง โดยเฉพาะในกลุ่มเอสยูวีและรถเพื่อการพาณิชย์ แต่ก็น่าจะเป็นตัวเลขที่นำมาใช้อ้างอิงกันได้ จะพบว่าปีที่ผ่านมา เป็นปีที่ไม่ดีเสียเลยสำหรับตลาดรถยนต์นั่ง

รถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ปกติแล้วจะมีสัดส่วนการขายของตลาดที่ราว ๆ 45% ของตลาดรวมมาโดยตลอด กลับมียอดจำหน่ายและสัดส่วนการขายที่ลดลงไปอย่างมาก โดยในปีที่ผ่านมา มียอดขายรวมไปเพียง 274,789 คัน หดตัวลงไปมากกว่าตลาดที่ 31.0% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่ดีเลยทีเดียว

แน่นอนว่าเมื่อมีผู้หดตัวมากกว่าตลาด ก็ต้องมีผู้ที่หดตัวน้อยกว่า โดยตลาดกระบะ 1 ตันถือเป็นตลาดที่หดตัวน้อยที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา โดยมียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 364,887 คัน คิดเป็นการหดตัวประมาณ 15.5% เท่านั้น ทำให้มีตัวเลขสัดส่วนการขายในตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

Toyota ยังรักษาแชมป์ตลาดรวมแม้ยอดตกฮวบ

หากดูจากยอดจำหน่ายในปีนี้แล้ว ต้องถือว่าเป็นอีกปีที่ผู้นำตลาดอย่างโตโยต้านั้นอยู่ในภาวะเจ็บหนัก เพราะแม้จะยังสามารถรักษายอดจำหน่ายในตลาดรวมเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น โดยพวกเขามียอดขายรวม 244,316 ตัน หดตัวไป 26.5% และสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดเอาไว้ได้ที่ 30.8%

การหดตัวในตลาดรถยนต์นั่งที่ทำยอดขายได้ไม่ดีในหลายเซกเมนต์ ทำให้โตโยต้าขายรถยนต์นั่งรวมไปได้เพียง 68,152 คัน หรือหดตัวไปถึง 42.1% ขณะที่ตลาดรถปิกอัพ 1 ตันที่มีการปรับตัวสินค้าใหม่ ก็ทำยอดขายได้เพียง 129,893 คัน หดตัวไปถึง 21.5% แต่ก็ยังถือว่าเป็นอันดับ 2 ทั้ง 2 เซกเมนต์

กลุ่มตลาดเดียวที่ต้องถือว่าโตโยต้ามีความโดดเด่นเหนือใคร ก็น่าจะเป็นตลาดพีพีวีที่ Toyota Fortuner ใหม่ ปรับโฉมและสเปคมาในช่วงกลางปี พร้อมการขับขี่ที่พัฒนาขึ้นมามาก ทำให้มียอดขายไปถึง 197,42 คัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่ง 44.3% เรียกว่าเป็นแชมป์รวดเดียวจบแบบม้วนเดียวตลอดทั้งปี

Isuzu ผู้นำตลาดปิกอัพแบบรวดเดียวจบ

Isuzu D-Max (อีซูซุ ดีแมคซ์) นั้นเปิดตัวก่อนคู่แข่งที่ทำการปรับปรุงหลาย ๆ อย่างกันในปีนี้ แต่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เจ้ารถที่โดนคู่แข่งหลายรายปรามาสเรื่องของเครื่องยนต์และอุปกรณ์ที่อาจจะไม่ได้จัดเต็มคันนี้ คว้าแชมป์ยอดขายแบบรวดเดียวจบ และเป็นผู้นำตลาดรายเดือนถึง 11 เดือนในปี 2563

แน่นอนว่าแม้จะมั่นใจในฐานลูกค้าของตัวเอง แต่พวกเขาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจรอคนมาซื้อเฉย ๆ แต่กลับเพิ่มความน่าสนใจให้กับโปรดักส์ของตัวเองเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวเตี้ย เกียร์ออโต้ หรือแม้แต่ Isuzu X-Series (อีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์) ที่สร้างความคึกคักให้กับตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี

และพวกเขาก็ทำสำเร็จ เมื่อสามารถกลับมาคว้าแชมป์ในตลาดรถยนต์กระบะได้อย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่งหลังจากพลาดไป 2 ปี และยังเป็นท็อปทรีรายเดียวที่ยอดขายไม่หดลงในยุคโควิด-19 ด้วยการเติบโต 11.6% หรือมียอดจำหน่ายเฉพาะปิกอัพที่ 160,328 คัน ไม่รวมตลาดรถดัดแปลง

Honda ไม่พลาดกอดแชมป์รถยนต์นั่งต่อเนื่อง

ไม่ใช่แค่การรักษาแชมป์ในตลาดรถยนต์นั่งเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่ Honda (ฮอนด้า) นั้นประกาศว่าพวกเขาสามารถครองอันดับ 1 ใน 4 เซกเมนต์หลัก ได้แก่ กลุ่มซับคอมแพคท์และอีโค ซับคอมแพคท์ กลุ่มคอมแพคท์ กลุ่มซีดานขนาดกลาง และกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่

หากมองไปที่ด้านยอดจำหน่ายที่ฮอนด้าประกาศว่าพวกเขาสามารถยืนหยัดรักษาความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลด้วยยอดจำหน่ายสะสมรวม 93,041 คัน ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 27.5% อาจจะไม่ตรงกับที่โตโยต้ารายงานตลาดรถยนต์นั่งว่าฮอนด้าทำได้ 77,419 คัน หดตัว 19.5%

นั่นเป็นเพราะโตโยต้านับเอสยูวีไว้ในกลุ่มรถยนต์เชิงพาณิชย์มานานแสนนาน แต่ฮอนด้าก็ประกาศตัวเลขออกมาแบบนี้ โดยต้องยอมรับว่าปีนี้ Honda City (ฮอนด้า ซิตี้) นั้นโดดเด่นจริง ๆ ในตลาดรถนต์อีโคคาร์ รวมไปถึง Honda Civic (ฮอนด้า ซีวิค) ที่รักษาแชมป์กลุ่มอย่างเหนียวแน่นส่งท้ายอายุ

BMW คว้าแชมป์ตลาดรถหรูหราในรอบ 2 ทศวรรษ

หนึ่งในไฮไลท์การแข่งขันที่ถือว่าดุเดือดที่สุด ก็คือสงครามการแข่งขันของตลาดรถยนต์หรูหรา ที่ Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ที่คาดหวังว่าจะคว้าแชมป์ต่อเนื่อง 2 ทศวรรษ ต้องมาพลาดท่าให้กับคู่แข่งอย่าง BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) ที่กวาดยอดจองมาอย่างต่อเนื่องเรื่อย ๆ มาตลอดทั้งปี

หลายคนประเมินว่าความผิดพลาดของค่ายรถยนต์ตราดาวนั้นมาจากการประเมินการทำตลาดสินค้าที่ประมาทไปเล็กน้อย รถยนต์หลาย ๆ รุ่นไม่มีรุ่นประกอบในประเทศ ทั้ง Mercedes-Benz A-Class และ Mercedes-Benz GLA ขณะที่รถรุ่นยอดนิยมหลายรุ่นก็ต้องหยุดเพื่อรอประกอบรุ่นปรับโฉม

ทำให้ค่ายใบพัดฟ้าขาวที่อัดมายาวทั้งปี โดยเฉพาะ BMW 3-Series, BMW X1 ทำยอดจำหน่ายรวมไปได้มากถึง 11,242 คัน แม้จะหดตัว 6.6% ก็ยังเหนือกว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ทำยอดขายไปได้ 10,613 คัน แต่หดตัวถึง 29.7% ซึ่งแน่นอนว่าปีนี้น่าจะเห็นการแข่งขันที่ดุเดือดเลือดพล่านกันมากขึ้นในเซกเมนต์นี้

คาดการณ์ตลาดรวมปีนี้โตแน่นอน 7-14% 

โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ประเมินว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ยังต้องเผชิญปัจจัยที่หลากหลาย ทั้งสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ 

รวมไปถึงความเคลื่อนไหวในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ กิจกรรมทางการตลาด และกิจกรรมส่งเสริมการขาย ที่จะมีบทบาทสำคัญต่อการกระตุ้นยอดขายรถยนต์ และคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2564 จะอยู่ที่ประมาณ 8.5-9 แสนคัน เพิ่มขึ้น 7-14% 

นอกจากนี้ โตโยต้ายังมองว่าตลาดปิกอัพจะยังเติบโตอย่างน่าสนใจ โดยจะทำให้ตลาดรถยนต์เชิงพาณิชย์นั้นมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็น 5.6-5.82 แสนคัน เติบโต 8-13% ขณะที่ตลาดรถยนต์นั่งก็เติบโตแน่นอน โดยน่าจะมียอดขายที่ 2.9-3.18 แสนคัน หรือคิดเป็นการเติบโตที่ระดับ 5-15% 

ไว้สิ้นปีค่อยมาดูการประเมินครั้งนี้ว่าแม่นขนาดไหนนะ!!!